![]() |
| ขมิ้นชัน สมุนไพรรักษาโรคสัตว์ |
มีฤทธิ์ลดการอักเสบ รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
ใช้รักษาโรคลําไส้อักเสบ
ลดจํานวนเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร
ใช้รักษาโรคบิดมูกเลือดในลูกสุกร โรคติดเชื้อในลําไส้ไก่
ใช้รักษาแผล ฝี หนอง
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
ไม่มีการตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
เหง้าขมิ้น ใช้ตําผสมกับพลูคลุกกับปูนกินหมาก ใช้รักษาแผลให้ช้างทั้งแผลสด แผลมีหนองและกันแมลงบริเวณแผล ผู้เลี้ยงไก่ชนใช้ขมิ้นกับสมุนไพรอื่นๆ เช่นส่วนผสมของสมุนไพรที่ใช้ต้มเป็นนํ้ายาสมุนไพรอาบให้ไก่ชนประกอบด้วย ใบมะขาม ใบส้มป่อย ไม้ฤาษีผสม ใบคุระ ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ไม้กระดูกไก่ เปลือกไม้โอน ต้มรวมกันในนํ้าเดือด นํานํ้าที่ต้มได้มาอาบให้ไก่ชนเพื่อให้ไก่มีหนังเหนียว ไม่ฉีกง่ายเวลาโดนจิกหรือตี หรือสูตรแก้ไก่เป็นหวัด บิด ท้องเสีย จะใช้ขมิ้นชัน 7 กรัม ผสมฟ้าทะลายโจร 144 กรัม ไพล 29 กรัม บดผสมอาหารลูกไก่ 100 กิโลกรัม
2. กวาวเครือ สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
![]() |
| กวาวเครือแดง สมุนไพรรักษาโรคสัตว์ |
มีการศึกษาการใช้กวาว เครือในสุกร โดยนํากวาวเครือบดแห้งมาผสมอาหารในอัตราส่วน 20 กรัมต่ออาหาร 100 กิโลกรัม ให้สุกรนํ้าหนัก 30-100 กิโลกรัมกินนาน 2.5-3 เดือน พบว่าสุกรทั้งเพศผู้และเพศเมียมีการเจริญเติบโตดีขึ้น สุกรที่กินกวาวเครือมีการกินอาหารได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินและช่วยชะลอการ เป็นสัด เมื่อหยุดให้กวาวเครือ 1.5-2 เดือน สุกรตัวเมียกลับมาเป็นสัดตามปกติและสามารถผสมพันธ์ให้ลูกได้ การทดลองในสุกรเพศผู้เมื่อให้กินกวาวเครือผสมอาหารขนาด 20 กรัมต่ออาหาร 100 กิโลกรัม ปรากฏว่าให้เนื้อแดงสูง มีการเจริญเติบโตดีขึ้น
3.ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
![]() |
| ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรรักษาโรคสัตว์ |
แก้หวัด ทอนซิลอักเสบ มีการทดลองนําฟ้าทะลายโจร ขมิ้นและไพลมาผสมอาหารให้ไก่กินในอัตราส่วน 50-75 กรัมต่ออาหาร 3 กิโลกรัม พบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคต่างๆในสัตว์ได้เป็นอย่างดี
สรรพคุณในการรักษา
ฟ้าทะลายโจร แก้โรคท้องร่วงในไก่
ฟ้าทะลายโจรแก้ไข้ในสัตว์
ฟ้าทลายโจรแก้โรคขี้ขาวในไก่
ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ
ลดการอักเสบ
สร้างภูมิต้านทาน
ลดไข้ บรรเทาอาการหวัด
ชะอม สมุนไพรช่วยขับลม นำมาใช้แทนผงชูรสได้
![]() |
| ชะอม สมุนไพรที่นำมาใช้แทนผงชูรสได้ |
ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร
ราก
เป็นยาสมุนไพรแก้ท้องอืด
ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้อาการปวดเสียวในท้อง
เปลือกต้น
นำมาบดผสมกับสะเดา
ฟ้าทะลายโจร เป็นยาสมุนไพรใช้ขับพยาธิ ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาขับลม
นอกจากนี้เปลือกยังใช้แทนผงชูรสได้อีกด้วย
ข้อควรระวังเกี่ยวกับสมุนไพร
สำหรับสตรีที่มีบุตรแรกเกิด
ไม่ควรรับประทานเพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง
ชะพลู ![]() |
| ชะพลูสมุนไพรขับเสมหะ |
ลักษณะ
ทั่วไป เป็นพืชล้มลุก มี 2 ชนิดด้วยกันคือ
ชนิดที่หนึ่งเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ต้นเตี้ย สูงประมาณ 50-60 เซนติเมตร
ลำต้นเป็นข้อๆ อีกชนิดเป็นเถาลักษณะลำต้นทอดคลานไปตามดิน
ลำต้นมีสีเขียวทั้งสองชนิด
ชะพลู
เป็นพืชที่ชอบขึ้นตามที่ลุ่มต่ำและแฉะ ข้างลำธาร เจริญเติบโตได้เร็ว
ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำลำต้นที่มีข้อ 3 – 5 ข้อ หรือใช้ไหลปลูก
ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร
ราก
รสเผ็ดร้อน ใช้เป็นสมุนไพรแก้คูณเสมหะ บำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้ ทำให้เสมหะงวด ขับเสมหะใต้ตกทางทวารหนัก
ลำต้น
ใช้เป็นยาสมุนไพรขับเสมหะ แก้เสมหะในทรวงอก แก้จุกเสียด รักษาอุระเสมหะ
ดอก
ใช้เป็นยาสมุนไพรขับลมในลำไส้ แก้คอเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง ช่วยย่อยอาหาร
ใบ
เป็นสมุนไพรช่วยเจริญอาหาร ขับเสมหะ ทำให้เสมหะงวด เลือดลมซ่านดีนักแล
ปริมาณที่ใช้เป็นยาสมุนไพร
1.ใช้
เป็นยาสมุนไพร แก้ดีซ่าน ให้ใช้ทั้งต้น 3 กำมือ (100 กรัม)
ใส่น้ำพอท่วมต้มให้เดือดนาน 10 นาที ดื่มขณะที่ยังอุ่นอยู่
ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว
2.ใช้เป็นยาสมุนไพร ช่วยขับลม โดยใช้ราก 10 – 15 กรัม นำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรองดื่ม
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสมุนไพร
ชะพลู
100 กรัมจะมีออกซาเลต 691 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สูง
จึงไม่ควรรับประทานมาก เพราะจะทำให้เวียนศีรษะได้ และไม่ควรรับประทานประจำ
*หากร่างกายมีการสะสมออกซาเลต(Oxalate) ในปริมาณที่สูง จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้*
งา สมุนไพรบำรุงกำลัง บำรุงผิว
รักษาหูด
ลักษณะทั่วไป
เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 60 – 120 เซนติเมตร ลำต้นมีกลิ่นฉุน
ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่สลับ ปลายใบแหลมหรือค่อนข้างมน ลัษณะดอกจะออกดอกเดี่ยว ตามซอกใบ
โดยแตกออกรอบๆลำต้น ดอกมีสีขาวหรืออมม่วงมีประแต้มด้วยสีเหลือง
ผลเป็นฝักลักษณะรูปทรงกระบอกหรือแบนขนาดเท่ากับนิ้วก้อย มีเมล็ดจำนวนมาก
สีขาวอมเหลือง
งา เป็นไม้กลางแจ้ง
มีถิ่นกำเนิดแถวเอเชีย ประเทศไทยนิยมปลูกมากในภาคเหนือ
นิยมปลูกช่วงต้นฤดูฝนหรือปลายฤดูฝน
ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร
เมล็ด
มีรสหวานอมขมเล็กน้อย
ในเมล็ดงาจะมีไขมันชนิดต่างๆ เช่นพวก stearic
acid,oleic acid เมื่อบริโภคไปในร่างกายแล้วจะเป็นตัวหล่อลื่น
เป็นยาระบายอ่อนๆ เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ร่างกายอบอุ่นสุขภาพดี
น้ำมันงา ใช้เป็นสมุนไพรทาผิวหนังให้ความนุ่มนวล
และผิวหนังชุ่มชื้น ป้องกันผิวแตกได้อีกด้วย
ดอกงา
ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาหูด
ปริมาณที่ใช้เป็นยาสมุนไพร
1.ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาหูด
โดยใช้ดอกงาที่เก็บในตอนเช้าตอนยังมีน้ำค้างอยู่ ประมาณ 5 – 7 ดอก
มาถูบริเวณที่เป็นหูดวันละ 3 ครั้ง ภายใน 7 – 10 วันจะเห็นผล
หรือถ้าใช้ดอกงาแห้งประมาณ 7 – 10 ดอกนำมาแช่น้ำนาน 10 นาที ต้มในน้ำ 2 แก้ว
ให้เดือดแล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ใน 3 ส่วนกรองเอาแต่น้ำ ทาบริเวณที่เป็นหูดประจำ
ประมาณ 10 วัน หูดจะหลุดออกเอง





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น