ผักที่เป็นสมุนไพร

1.ขมิ้นชัน สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
ขมิ้นชัน สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
สรรพคุณทางยาสมุนไพร
มีฤทธิ์ลดการอักเสบ รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
ใช้รักษาโรคลําไส้อักเสบ
ลดจํานวนเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร
ใช้รักษาโรคบิดมูกเลือดในลูกสุกร โรคติดเชื้อในลําไส้ไก่
ใช้รักษาแผล ฝี หนอง
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
ไม่มีการตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
เหง้าขมิ้น ใช้ตําผสมกับพลูคลุกกับปูนกินหมาก ใช้รักษาแผลให้ช้างทั้งแผลสด แผลมีหนองและกันแมลงบริเวณแผล ผู้เลี้ยงไก่ชนใช้ขมิ้นกับสมุนไพรอื่นๆ เช่นส่วนผสมของสมุนไพรที่ใช้ต้มเป็นนํ้ายาสมุนไพรอาบให้ไก่ชนประกอบด้วย ใบมะขาม ใบส้มป่อย ไม้ฤาษีผสม ใบคุระ ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ไม้กระดูกไก่ เปลือกไม้โอน ต้มรวมกันในนํ้าเดือด นํานํ้าที่ต้มได้มาอาบให้ไก่ชนเพื่อให้ไก่มีหนังเหนียว ไม่ฉีกง่ายเวลาโดนจิกหรือตี หรือสูตรแก้ไก่เป็นหวัด บิด ท้องเสีย จะใช้ขมิ้นชัน 7 กรัม ผสมฟ้าทะลายโจร 144 กรัม ไพล 29 กรัม บดผสมอาหารลูกไก่ 100 กิโลกรัม

2. กวาวเครือ สมุนไพรรักษาโรคสัตว์

กวาวเครือแดง สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
สรรพคุณทางยาสมุนไพร

มีการศึกษาการใช้กวาว เครือในสุกร โดยนํากวาวเครือบดแห้งมาผสมอาหารในอัตราส่วน 20 กรัมต่ออาหาร 100 กิโลกรัม ให้สุกรนํ้าหนัก 30-100 กิโลกรัมกินนาน 2.5-3 เดือน พบว่าสุกรทั้งเพศผู้และเพศเมียมีการเจริญเติบโตดีขึ้น สุกรที่กินกวาวเครือมีการกินอาหารได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินและช่วยชะลอการ เป็นสัด เมื่อหยุดให้กวาวเครือ 1.5-2 เดือน สุกรตัวเมียกลับมาเป็นสัดตามปกติและสามารถผสมพันธ์ให้ลูกได้ การทดลองในสุกรเพศผู้เมื่อให้กินกวาวเครือผสมอาหารขนาด 20 กรัมต่ออาหาร 100 กิโลกรัม ปรากฏว่าให้เนื้อแดงสูง มีการเจริญเติบโตดีขึ้น



3.ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรรักษาโรคสัตว์

ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรรักษาโรคสัตว์
สรรพคุณทางยาสมุนไพร
แก้หวัด ทอนซิลอักเสบ มีการทดลองนําฟ้าทะลายโจร ขมิ้นและไพลมาผสมอาหารให้ไก่กินในอัตราส่วน 50-75 กรัมต่ออาหาร 3 กิโลกรัม พบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคต่างๆในสัตว์ได้เป็นอย่างดี
สรรพคุณในการรักษา
ฟ้าทะลายโจร แก้โรคท้องร่วงในไก่
ฟ้าทะลายโจรแก้ไข้ในสัตว์
ฟ้าทลายโจรแก้โรคขี้ขาวในไก่
ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ
ลดการอักเสบ
สร้างภูมิต้านทาน
ลดไข้ บรรเทาอาการหวัด

ชะอม สมุนไพรช่วยขับลม  นำมาใช้แทนผงชูรสได้


ชะอม สมุนไพรที่นำมาใช้แทนผงชูรสได้
ลักษณะทั่วไป เป็นพืชเถา ทรงพุ่มขนาดย่อม กิ่งเลื้อย ลำต้นและกิ่งมีหนามแหลมอยู่ทั่วไป ลำต้นขาวและมีกลิ่นเหม็นเขียว ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ลักษณะใบรูปขอบขนาน ขอบใบเรียบ มีสีเขียว ดอกออกคล้ายดอกกระถิน ซอกใบมีสีขาวนวลหรือขาว เกสรตัวผู้เป็นเส้นฝอย ชะอมเป็นไม้โตเร็ว ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แม้แต่ดินที่ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์ และทนแล้งได้ดี สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยการตอน เพาะเมล็ด หรือปักชำ


ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร



ราก 

เป็นยาสมุนไพรแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้อาการปวดเสียวในท้อง



เปลือกต้น 

นำมาบดผสมกับสะเดา ฟ้าทะลายโจร เป็นยาสมุนไพรใช้ขับพยาธิ ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาขับลม นอกจากนี้เปลือกยังใช้แทนผงชูรสได้อีกด้วย



ข้อควรระวังเกี่ยวกับสมุนไพร



สำหรับสตรีที่มีบุตรแรกเกิด ไม่ควรรับประทานเพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง
 ชะพลู

ชะพลูสมุนไพรขับเสมหะ
สมุนไพรช่วยขับเสมหะ แก้ดีซ่าน ช่วยให้เจริญอาหาร
ลักษณะ ทั่วไป เป็นพืชล้มลุก มี 2 ชนิดด้วยกันคือ ชนิดที่หนึ่งเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ต้นเตี้ย สูงประมาณ 50-60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นข้อๆ อีกชนิดเป็นเถาลักษณะลำต้นทอดคลานไปตามดิน ลำต้นมีสีเขียวทั้งสองชนิด
ชะพลู เป็นพืชที่ชอบขึ้นตามที่ลุ่มต่ำและแฉะ ข้างลำธาร เจริญเติบโตได้เร็ว ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำลำต้นที่มีข้อ 3 – 5 ข้อ หรือใช้ไหลปลูก
ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร
ราก 
รสเผ็ดร้อน ใช้เป็นสมุนไพรแก้คูณเสมหะ บำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้ ทำให้เสมหะงวด ขับเสมหะใต้ตกทางทวารหนัก
ลำต้น 
ใช้เป็นยาสมุนไพรขับเสมหะ แก้เสมหะในทรวงอก แก้จุกเสียด รักษาอุระเสมหะ
ดอก  
ใช้เป็นยาสมุนไพรขับลมในลำไส้ แก้คอเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง ช่วยย่อยอาหาร
ใบ 
 เป็นสมุนไพรช่วยเจริญอาหาร ขับเสมหะ ทำให้เสมหะงวด เลือดลมซ่านดีนักแล
ปริมาณที่ใช้เป็นยาสมุนไพร
1.ใช้ เป็นยาสมุนไพร แก้ดีซ่าน ให้ใช้ทั้งต้น 3 กำมือ (100 กรัม) ใส่น้ำพอท่วมต้มให้เดือดนาน 10 นาที ดื่มขณะที่ยังอุ่นอยู่ ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว
2.ใช้เป็นยาสมุนไพร ช่วยขับลม โดยใช้ราก 10 – 15 กรัม นำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรองดื่ม
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสมุนไพร
ชะพลู 100 กรัมจะมีออกซาเลต 691 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สูง จึงไม่ควรรับประทานมาก เพราะจะทำให้เวียนศีรษะได้ และไม่ควรรับประทานประจำ
*หากร่างกายมีการสะสมออกซาเลต(Oxalate) ในปริมาณที่สูง จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้*
งา สมุนไพรบำรุงกำลัง บำรุงผิว รักษาหูด
ลักษณะทั่วไป เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 60 – 120 เซนติเมตร ลำต้นมีกลิ่นฉุน ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่สลับ ปลายใบแหลมหรือค่อนข้างมน ลัษณะดอกจะออกดอกเดี่ยว ตามซอกใบ โดยแตกออกรอบๆลำต้น ดอกมีสีขาวหรืออมม่วงมีประแต้มด้วยสีเหลือง ผลเป็นฝักลักษณะรูปทรงกระบอกหรือแบนขนาดเท่ากับนิ้วก้อย มีเมล็ดจำนวนมาก สีขาวอมเหลือง
งา เป็นไม้กลางแจ้ง มีถิ่นกำเนิดแถวเอเชีย ประเทศไทยนิยมปลูกมากในภาคเหนือ นิยมปลูกช่วงต้นฤดูฝนหรือปลายฤดูฝน
ส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพร
เมล็ด 
มีรสหวานอมขมเล็กน้อย ในเมล็ดงาจะมีไขมันชนิดต่างๆ เช่นพวก stearic acid,oleic acid เมื่อบริโภคไปในร่างกายแล้วจะเป็นตัวหล่อลื่น เป็นยาระบายอ่อนๆ เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ร่างกายอบอุ่นสุขภาพดี
น้ำมันงา ใช้เป็นสมุนไพรทาผิวหนังให้ความนุ่มนวล และผิวหนังชุ่มชื้น ป้องกันผิวแตกได้อีกด้วย
ดอกงา 
ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาหูด
ปริมาณที่ใช้เป็นยาสมุนไพร
1.ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาหูด โดยใช้ดอกงาที่เก็บในตอนเช้าตอนยังมีน้ำค้างอยู่ ประมาณ 5 – 7 ดอก มาถูบริเวณที่เป็นหูดวันละ 3 ครั้ง ภายใน 7 – 10 วันจะเห็นผล หรือถ้าใช้ดอกงาแห้งประมาณ 7 – 10 ดอกนำมาแช่น้ำนาน 10 นาที ต้มในน้ำ 2 แก้ว ให้เดือดแล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ใน 3 ส่วนกรองเอาแต่น้ำ ทาบริเวณที่เป็นหูดประจำ ประมาณ 10 วัน หูดจะหลุดออกเอง
2.ใช้เป็นยาสมุนไพรบำรุงกำลังและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย โดยรับประทานเมล็ดงาคั่ววันละ 1 – 2 ช้อนชากับอาหารที่บริโภคเป็นประจำ หรืออาจจะใช้น้ำมันงาเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหารก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น